Monday, March 23, 2015

การเลี้ยงนกแก้ว หลายตัว ในกรงเดียวกัน


หากกรงมีขนาดเนื้อที่กว้างขวาง ก็สามารถเลี้ยงได้ ภายใต้เงื่อนไขบางประการ

เราสามารถเลี้ยงนกแก้วต่างสายพันธุ์ หลายตัวในกรงเดียวกันได้หรือไม่? คำถามนี้ มักจะมีมาเรื่อยๆ คำตอบที่ถูกคือ ทั้ง "ได้" และ "ไม่ได้" ผู้เลี้ยงมักจะทึกทักเอาเอง ว่านกที่ซื้อมาตัวใหม่ จะสามารถเข้ากันได้ดีกับเจ้านกแก้วตัวเก่าที่บ้าน  เพราะแม้แต่สายพันธุ์เดียวกันยังมีปัญหาตีกันได้  นับประสาอะไรกับนกต่างสายพันธุ์ ซึ่งปัญหาหลักๆ จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกันดังนี้


สายพันธุ์
- นกแก้วบางสายพันธุ์นั้นเป็นมิตรกับนกพันธุ์อื่นๆ สายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสุภาพเรียบร้อย  ไม่ค่อยสร้างปัญหาใดๆ ก็มีก็มีตระกูล ค็อกคาเทล, Budgerigar (นกหงษ์หยก) หรือตระกูลคอนัวร์ก็เข้ากับนกแก้วสายพันธุ์อื่นๆได้ดีเช่นกัน  ที่ควรระวังคือตระกูล มาคอว์ทั้งหลาย เพราะถ้าไม่ได้เลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่ลูกป้อน  อาจเกิดปัญหาได้ เพราะถึงแม้จะเชื่องกับผู้เลี้ยง แต่จะค่อนข้างก้าวร้าวมากกับนกสายพันธุ์อื่นๆ


อุปนิสัยของนก
- นกแต่ละตัว จะมีนิสัยที่แตกต่างกันไป คล้ายๆกับ หมาแมว ทั่วๆไปนั่นเอง แม้นิสัยโดยรวมจะถูกกำหนดโดยสายพันธุ์มาแล้ว เช่น สายพันธฺุ์ กรีนชีค คอนัวร์ จะส่งเสียงร้องน้อยกว่า ซัน คอนัวร์  แต่ลักษณะนิสัยที่เป็น individual ก็ยังคงมีอยู่  ดังนั้น ภายใต้การเลี้ยงดู เราต้องหมั่นคอยสังเกตว่านกที่่เลี้ยงนั้น ยังเข้ากันดีหรือไม่? หากเริ่มมีการตีกันบ่อยๆ เราอาจต้องจับแยกกันอยู่ เพื่อความปลอดภัยของตัวนกเอง


ภาพนกแก้ว อเมซอน ตัวหนึ่งหลังจากที่ทะลาะกันในกรงที่เลี้ยงร่วมกัน 


ขนาดของกรง
- นกในธรรมชาตินั้น หากตีกัน ฝ่ายที่แพ้ก็สามารถเลือกที่จะบินหนีไปได้  แต่ถ้าหากเป็นการเลี้ยงในกรงนั้นแน่นอนว่าจะไม่สามารถทำได้ ส่งผลให้ความสูญเสีย อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นนกใหญ่หรือเล็ก แม้แต่ เลิฟเบิร์ด ก็สามารถตีกันถึงตายได้ภายในคืนเดียว ดังนั้นขนาดของกรง ถ้ามีขนาดใหญ่มากๆ ก็จะลดปัญหาการตีกันถึงตายได้ดี เพราะนก สามารถบินไปหลบซ่อนตัวได้ เวลาเกิดปัญหาขึ้น


ตำแหน่งของกรง
- นกต่างสายพันธุ์ที่เลี้ยงรวมกัน หากเป็นไปได้ ตำแหน่งของกรงควรอยู่ใกล้ผู้เลี้ยง หรืออยู่ในตำแหน่งที่สามารถสังเกตการณ์ได้ง่ายที่สุด  เพื่อเวลาที่นกตีกันนั้น เราจะสามารถป้องกันได้ทันท่วงที


อายุของนก
- นกที่เลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่ลูกป้อนนั้น แม้จะต่างสายพันธุ์ ส่วนใหญ่แล้วผู้เขียนพบว่าสามารถเข้ากันได้ดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ดังนั้นการเลี้ยงนกแก้วแบบรวมกันในกรงเดียวนั้น หากเลี้ยงตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ก็จะประสบความสำเร็จมาก  ในทางกลับกัน หากเรานำนกที่โตแล้ว มาเลี้ยงคู่กับนกเราที่อยู่มาก่อน  ก็จะมีความเป็นไปได้สูงมากๆ ว่าอาจจะเข้ากันไม่ได้


ไม่มีสูตรสำเร็จ
- บางครั้งคุณอาจจะพบว่า ในนกแก้วบางตัว สามารถเข้ากันได้ดีกับนกแก้วอีกตัว แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งๆที่ต่างสายพันธุ์ หรือมีความก้าวร้าวด้วยกันทั้งคู่!?  กรณีแบบนี้  จะเกิดจากอุปนิสัย ใจคอของนก 2 ตัวนั้นๆนั่นเอง ถ้าเป็นมนุษย์ ก็อาจรียกได้ว่า ถูกใจกันหรือเหม็นขี้หน้ากัน ตั้งแต่แรกพบก็ว่าได้


สรุป - วิธีที่ดีที่สุด หากต้องการเลี้ยงนกแก้ว หลายๆสายพันธุ์นั้น คือการแยกกันเลี้ยงในแต่กรง ให้เป็นส่วนตัว จะดีที่สุด แล้วนำนกออกมาเล่นร่วมกัน ให้รู้จักกัน และเพื่อนกันนอกกรง ยืนคอนอาบแดดด้วยกัน ก็สามารถทำได้ และจะปลอดภัยที่สุด  

ในนกแก้วที่โตแล้ว  เค้าจะมองกรงที่อยู่ เป็นเหมือนรังของเค้า ถ้ามีผู้บุกรุก เค้าก็พร้อมที่จะต่อสู้ และปกป้องที่อยู่ของเค้านั่นเอง ซึ่งเป็นสัญชาติญาณและนิสัยตามธรรมชาติของเค้านั่นเอง


Saturday, March 21, 2015

คิดให้ดีๆ ก่อนที่จะรับเจ้าเพื่อนตัวน้อยมีปีกมาเลี้ยง

การเลี้ยงนกแก้ว ไม่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ

ถ้าคุณไม่เคยเลี้ยงนกแก้วมาก่อน  นี่คือสิ่งที่ผู้เลี้ยงควรจะพิจารณา ก่อนที่จะรับนกแก้วมาเลี้ยง ซึ่งหลักๆก็จะมีด้วยกัน 6 ข้อดังนี้


นกแก้วทุกสายพันธุ์ เป็นสัตว์สังคม


1. พร้อมจะอยู่กับเค้าตลอดไปชั่วชีวิตหรือไม่? - นกแก้ว อายุขัยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 30-50ปี หากเป็นพันธุ์เล็ก อย่างต่ำๆก็ต้องมี 10-20 ปี เราพร้อมที่จะดูแล เค้าตลอดไปหรือไม่  เพราะหากวันใด วันหนึ่งเราเบื่อเค้า เราไม่สามารถปล่อยให้เค้าบินจากไปเฉยๆได้ เพราะ นกแก้วมักจะติดเจ้าของ หรือถ้าเป็นนกแก้วที่ถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่เป็นลูกป้อน อาจไม่สามารถหากินเองได้ตามธรรมชาติ


2. เค้าไม่ใช่หมา หรือแมว - แม้นกแก้วจะฉลาดมาก แต่นกแก้ว ไม่ใช่หมา หรือแมว เราไม่สามารถใช้วิธีการฝึกสอนแบบเดียวกันได้ รวมไปถึง การเอาวัตถุต่างๆ ทุบตีเพื่อทำโทษ เช่นเอานิ้วดีดปากของนกแก้ว เพื่อสอนไม่ให้เค้ากัดสิ่งของ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะนกแก้วจะไม่เข้าใจ และจะส่งผลให้นกแก้วเองมีความก้าวร้าวมากขึ้น


3. มันคือจอมทำลายล้าง - ลืมหมา แมว ที่ชอบขุดคุ้ยดิน หรือ กัดแทะรองเท้าในบ้านของคุณซะ! เพราะนกแก้วสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่านั้น  ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงาม หรือ กรอบรูปไม้สัก ที่แขวนอยู่บนที่สูง หรือแม้กระทั่ง แอร์ติดผนัง ทุกอย่างที่เจ้าตัวนี้บินไปถึง มันสามารถกัดแทะเพื่อความบันเทิงส่วนตัวได้ทั้งนั้น และจะไม่มีวันหยุด เพราะนี่คือธรรมชาติของเค้านั่นเอง  (ผู้เขียนเคยเผลอปล่อยไว้ในห้องน้ำ แป๊บเดียวกลับมา พบว่าเค้ากำลัง แทะสายไฟเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่ แทะจนเห็นสายทองแดงแล้ว ดีที่ว่าปิดเบรคเกอร์ไว้ ไม่งั้นอาจจะมีโศกนาฏกรรม นกแก้วย่าง เกิดขึ้น)


4. ไม่ใช่แค่จับใส่กรงแล้วป้อนอาหาร - นกแก้วเป็นสัตว์สังคม ในป่าเค้าจะอยู่กันเป็นฝูงใหญ่ เค้ามีความฉลาด และมีอารมณ์ โกรธ อิจฉา ดีใจ ฯลฯ เหมือนกับหมา และ แมว ดังนั้นเราจำเป็นต้องเลี้ยงเค้าโดยการให้ความสำคัญกับเค้า เหมือนกับเค้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้าน  เราจำเป็นต้องเอาเค้าออกมาจากกรง เพื่อสัมผัสพูดคุย หรือทำกิจกรรมร่วมกันกับนกของเราในแต่ละวันด้วย  เราควรมีเวลาให้เค้าวันละหลายๆชั่วโมง ในทุกๆวัน ยิ่งทำบ่อยๆ ยิ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพจิตของตัวนก  และนกที่ไม่ได้รับโอกาสเช่นนี้ จะมีปัญหาในการพัฒนาอารมณ์และอาจมีพฤติกรรมดุร้าย หรือทำร้ายตนเองได้


5. เสียงร้องที่ดัง - โปรดระวัง! นกแก้วบางสายพันธุ์ มีเสียงที่ดัง แสบแก้วหูมาก บางสายพันธุ์ตัวเล็กแต่เสียงไม่เล็กตามตัวเช่นนกแก้ว ตระกูล คอนัวร์  และอย่าคาดหวังว่าคุณจะสามารถฝึกให้เค้าหยุดร้องได้ เพราะไม่มีทางทำได้ อย่างเก่งก็แค่ลดระดับความถี่ของการร้องลงให้น้อยที่สุด การเลี้ยงนกสายพันธุ์ที่มีเสียงดังเหล่านี้ ควรมีที่ทาง ที่กว้างขวาง และไม่รบกวนเพื่อนบ้าน เพราะคุณอาจจะมีปัญหากับเพื่อนบ้านได้  หรือเลือกสายพันธุ์อื่นๆ ที่ไม่ส่งเสียงร้องหนวกหูแทน 


6. ค่ารักษาพยาบาลที่สูง - นกแก้วจัดอยู่ในหมวด สัตว์เลี้ยงพิเศษ ดังนั้นจึงค่อนข้างหา สัตว์แพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญได้ค่อนข้างลำบาก และแน่นอนว่า ค่ารักษาก็จะสูงกว่า หมา แมว หรือสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นๆแน่นอน



เพื่อสุขภาพกายและจิตที่ดีของนกแก้ว หากผู้เลี้ยงรับได้กับ 6 ข้อนี้  ก็สามารถรับนกแก้วมาเลี้ยงได้ครับ ยินดีด้วยกับนกแก้วตัวใหม่ในครอบครัวของคุณ อย่าลืม! คุณคือหัวหน้าฝูง คุณต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกฝูงของคุณเชื่อฟัง และยอมรับให้ได้


Thursday, March 19, 2015

นกแก้วสายพันธุ์ เซเนกัล - Senegal Parrot

ภาพนกแก้ว เซเนกัล จากธรรมชาติ

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Poicephalus senegalus
ขนาด:  เล็ก, ความยาวโตเต็มที่ประมาณ 22-25เซนติเมตร
ถิ่นกำเนิดดั้งเดิม:  แอฟริกา
อายุขัยโดยเฉลี่ย:  ประมาณ 40 ปีขึ้นไป
ระดับเสียงร้อง:  เบา


นกแก้วสายพันธุ์ เซเนกัล เป็นนกที่เลี้ยงง่าย มีความฉลาดสูง  นิ่ง และไม่ส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน เหมาะมากสำหรับการเลี้ยงในคอนโด หรืออพาร์ทเม้นท์ แต่อาจหาซื้อได้ยากในบ้านเรา เพราะไม่ค่อยมีคนนิยม เนื่องจากสีสรรค์ที่ไม่สวยสะดุดตา  และการพูดที่ไม่พูดเป็นต่อยหอยเหมือน นกแก้ว แอฟริกัน เกรย์ บวกกับนิสัยเฉพาะตัวที่เป็นนกขี้ระแวง และไม่ไว้ใจใครง่ายๆนอกจากเจ้าของ และในนกที่โตเต็มวัยแล้ว จะมีลักษณะพิเศษภายนอกที่ค่อนข้างน่ากลัว  เนื่องจากดวงตาในนกที่โตเต็มวัยนั้น จะค่อนข้างใหญ่ และจะเป็นสีเหลืองเข้ม เมื่อบวกกับส่วนของศีรษะนกที่เป็นสีเทาเข้ม  จึงทำให้ดูพิพึกพิลั่น ไม่น่ารักน่าเอ็นดู เหมือนนกแก้วชนิดอื่นๆ



ลักษณะสีของดวงตาในนกแก้วเซเนกัลที่โตเต็มวัย



อย่างไรก็ดี  หากตัดเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกและนิสัยที่ขี้ระแวงออกไป ลักษณะเด่นที่สุดของนกแก้วสายพันธุ์นี้ นอกจากความฉลาดแสนรู้แล้ว  ยังเป็นอีกหนึ่งในนกแก้วไม่กี่สายพันธุ์ที่ติดเจ้าของ รักเจ้าของมาก  เป็นนกนายเดียว และสามารถฝึกบินอิสระได้ดีมากอีกสายพันธุ์หนึ่ง

Tuesday, March 17, 2015

อุณหภูมิที่เหมาะสม สำหรับการเลี้ยงนกแก้ว

 นกแก้วสามารถเลี้ยงในห้องนอน หรือ ห้องที่เปิดแอร์ได้หรือไม่?

คำถามที่พบบ่อย สำหรับผู้ที่ต้องการเลี้ยงแก้ว ไว้ในห้องนอน  หรือคอนโด ที่จำเป็นต้องเปิดแอร์นั้น ว่าสามารถเลี้ยงได้หรือไม่ อุณหภูมิที่เหมาะสม สำหรับนกแก้วนั้น จะอยู่ระหว่างที่ 18-26องศาเซลเซียส (อ้างอิงจากประเทศเมืองหนาว)  ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาอะไรกับการเลี้ยงนกในห้องนอนที่ต้องเปิดแอร์  เพราะนกสามารถปรับตัวได้ดี  ให้ระวังเรื่องสุขภาพของผู้เลี้ยงจะดีกว่า เนื่องจากตัวนกจะมีผงแป้ง ซึ่งบางสายพันธุ์นั้นจะมีมากกว่าปกติ เช่น African Grey หรือตระกูลกระตั้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดภูมิแพ้ได้  ในห้องนอนควรจะมีเครื่องฟอกอากาศติดตั้งเอาไว้ เพื่อฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ และการหมั่นทำความสะอาดกรง หรือวัสดุรองพื้นอยู่เสมอๆก็จะสามารถช่วยได้

สรุปคือสามารถเลี้ยงได้แน่นอน แต่ให้ระวัง ถ้าหากเป็นนกลูกป้อน ต้องเปิดหลอดไฟให้ความอบอุ่นไว้ที่มุมหนึ่งของกรงด้วยเพราะนกยังไม่แข็งแรงพอ  แนะนำหลอดที่ให้ความร้อนโดยเฉพาะ โดยเป็นหลอดที่ต้องไม่มีแสงหรือรังสี UV ใดๆ เพราะกรณีที่ใช้หลอดไฟที่มีแสงจ้ามากๆ อาจทำให้ลูกนกมีปัญหาทางสายตาได้


หน้าตาหลอดไฟให้ความอบอุ่น จะเป็นแบบนี้ครับ

มีหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อ ส่วนมากมีขายตามร้านขายสัตว์เลื้อยคลานทั่วไป


แนะนำว่าให้ซื้อที่กำลังความแรง 75watt ก็พอแล้วสำหรับนกลูกป้อน  และให้ปรับระยะห่างตามความเหมาะสมของกำลังไฟ  ถ้ามากกว่านี้อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับลูกนกตัวน้อยๆ ของท่านได้